ประกันรถยนต์ไฟฟ้าราคาเท่าไหร่? เจาะลึกค่าความคุ้มครองที่เจ้าของ EV ต้องรู้ 1

ประกันรถยนต์ไฟฟ้าราคาเท่าไหร่? เจาะลึกค่าความคุ้มครองที่เจ้าของ EV ต้องรู้1 min read

ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลายเป็นกระแสหลักของโลกยานยนต์ เจ้าของรถหลายคนเริ่มมองหาความคุ้มครองที่เหมาะกับรถพลังงานสะอาดคันโปรดของตัวเอง “ประกันรถยนต์ไฟฟ้า” จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้รถน้ำมัน เพราะแม้จะประหยัดค่าเชื้อเพลิง แต่หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ค่าอะไหล่และระบบไฟฟ้าอย่าง “แบตเตอรี่” ก็มีราคาสูงมากกว่าหลายเท่าตัว

แต่สิ่งที่หลายคนสงสัยคือ… ประกันรถยนต์ไฟฟ้าราคาเท่าไหร่กันแน่? และแตกต่างจากประกันรถยนต์ทั่วไปมากน้อยแค่ไหน? วันนี้จะพามาเจาะลึกทุกประเด็น พร้อมแนวทางเลือกประกัน EV ที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับปี 2025 นี้เลยจ้า

ปัจจัยหลักที่มีผลต่อ “ราคาเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้า”

เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาตั้งแต่ 12,000 – 40,000 บาท/ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน เช่น

  1. ยี่ห้อและรุ่นของรถ EV รถยุโรปหรือรถระดับพรีเมียม เช่น Tesla, BMW iX, Mercedes EQS มักมีค่าเบี้ยสูงกว่า EV ทั่วไป เนื่องจากค่าอะไหล่และค่าแรงซ่อมแพงกว่า
  2. มูลค่าของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ถือเป็นหัวใจของรถไฟฟ้า และมีมูลค่าสูงถึง 30–40% ของราคารถ ประกันจึงต้องคำนวณค่าความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับส่วนนี้
  3. ระยะเวลาการใช้งานรถ รถใหม่เบี้ยจะถูกกว่ารถที่ใช้งานมานาน เพราะโอกาสเกิดความเสียหายทางระบบไฟฟ้ามีน้อยกว่า
  4. ลักษณะการขับขี่และพื้นที่ใช้งาน ถ้าขับในเมืองหรือติดตั้งกล้องบันทึกหน้ารถจะมีโอกาสได้ส่วนลดเบี้ยประกันมากกว่า

ตัวอย่างราคา “ประกันรถยนต์ไฟฟ้า” จากบริษัทชั้นนำ (อัปเดตปี 2025)

  •  วิริยะประกันภัย BYD Atto 3 ชั้น 1 ราคา 18,000 – 22,000 บาท            
  •  กรุงเทพประกันภัย Tesla Model 3 ชั้น 1 ราคา 28,000 – 35,000 บาท            
  •  ทิพยประกันภัย  MG4 EV ชั้น 1 ราคา 15,000 – 20,000 บาท            
  •  สินมั่นคง NETA V ชั้น 2+ ราคา 12,000 – 14,000 บาท            
  •  อาคเนย์  ORA Good Cat ชั้น 1 ราคา 17,000 – 21,000 บาท            

หมายเหตุ ราคาอาจแตกต่างตามปีรถ อายุผู้ขับ และโปรโมชั่นของแต่ละบริษัท

ความคุ้มครองที่ต่างจาก “ประกันรถยนต์ทั่วไป”

  1. คุ้มครองแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ครอบคลุมการซ่อมหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่จากอุบัติเหตุ เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ หรือชนกระแทก
  2. คุ้มครองระบบไฟฟ้าแรงดันสูง (High Voltage System) รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบชาร์จอินเวอร์เตอร์ และชุดควบคุมกำลัง
  3. คุ้มครองอุปกรณ์ชาร์จ (EV Charger) หากมีการติดตั้งที่บ้านและเกิดความเสียหายจากไฟฟ้าลัดวงจร ประกันบางแผนจะคุ้มครองด้วย
  4. บริการช่วยเหลือฉุกเฉินเฉพาะ EV เช่น บริการลากรถไปจุดชาร์จใกล้สุดเมื่อแบตหมด หรือบริการจั๊มไฟพิเศษสำหรับรถไฟฟ้า

ประกันรถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภทให้เลือก

  1. ประกันชั้น 1 คุ้มครองครบทุกกรณี — รถชน, รถหาย, ไฟไหม้, น้ำท่วม และความเสียหายต่อบุคคลที่ 3 เหมาะกับรถ EV ใหม่หรือรถที่มีมูลค่าสูง
  2. ประกันชั้น 2+ / ชั้น 3+ เหมาะกับรถที่หมดระยะรับประกันจากศูนย์ ยังครอบคลุมกรณีชนกับยานพาหนะอื่น และเหตุไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้
  3. ประกันชั้น 3 / พ.ร.บ. เท่านั้น เหมาะกับรถที่ใช้งานในพื้นที่ส่วนตัว ไม่ต้องขับออกถนนใหญ่บ่อย

วิธีเลือกประกันรถยนต์ไฟฟ้าให้คุ้มค่าที่สุด

  1. เปรียบเทียบราคาอย่างน้อย 3 บริษัท อย่าดูแค่เบี้ยถูก แต่ต้องดูขอบเขตความคุ้มครองและวงเงินซ่อมแบตเตอรี่
  2. เลือกประกันที่มีศูนย์ซ่อม EV Certified เพราะระบบไฟฟ้าแรงสูงต้องใช้ช่างเฉพาะทางและอุปกรณ์ซ่อมมาตรฐาน
  3. ตรวจสอบว่าครอบคลุมความเสียหายจากการชาร์จไฟหรือไม่ โดยเฉพาะหากติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้าน ควรมีความคุ้มครองจากไฟฟ้าลัดวงจร
  4. ดูบริการหลังการขายและช่องทางติดต่อฉุกเฉิน บริษัทที่มีศูนย์บริการ 24 ชั่วโมงหรือบริการลากรถฟรีจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้มาก

ประกันรถยนต์ไฟฟ้าราคาอาจสูงกว่า แต่คุ้มค่ากับความปลอดภัย

แม้ ประกันรถยนต์ไฟฟ้าราคา จะเฉลี่ยสูงกว่ารถน้ำมันทั่วไปเล็กน้อย แต่ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว เพราะครอบคลุมระบบสำคัญที่มีราคาซ่อมสูงอย่าง “แบตเตอรี่” และ “ระบบไฟฟ้าแรงดันสูง” สำหรับเจ้าของรถ EV รุ่นใหม่ ๆ การเลือกประกันชั้น 1 จากบริษัทที่มีศูนย์ซ่อมมาตรฐาน EV จะช่วยให้มั่นใจได้มากกว่า ทั้งในเรื่องความปลอดภัยและความรวดเร็วในการเคลม

หากกำลังมองหา ประกันรถยนต์ไฟฟ้าราคาคุ้มค่า ควรเลือกจากบริษัทที่มีแผนเฉพาะสำหรับ EV เช่น

  •  วิริยะ EV Care
  •  กรุงเทพฯ Smart EV Plan
  •  ทิพย EV Secure

เพื่อให้มั่นใจว่า รถยนต์ไฟฟ้าของคุณจะได้รับการดูแลครบทุกส่วน ทั้งระบบไฟฟ้า แบตเตอรี่ และอุปกรณ์ชาร์จ