รถยนต์ถือว่าเป็นยานพหนะที่ต้องใช้ในชวิตประจำกันอยู่แล้ว

ไม่ว่าจะเป็นนานๆครั้งนำมาขับหรือว่าใช้อยู่ทุกวัน เราก็ควรที่ขยันดูแลรถยนต์เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองและผู้ที่ใช้ทางร่วมกับเราบนท้องถนน อย่าลืมที่จะเช็คสภาพรถยนต์ของเราก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันเครื่อง ยาง ลมรถ เครื่องยนต์ ระบบเบรค เท่านี้คุณก็สามารถที่จะออกเดินทางได้อย่างหายห่วงแล้ว

1.ตัวเลข / อายุยางรถยนต์

ตัวเลขที่คอยบอกอายุของยาง มักจะอยู่ในบริเวณช่วงแก้มยาง หรือ อาจจะระบุบนหีบห่อของยาง ตัวเลข 4 หลักอยู่ด้านใน ตัวเลข 2 หลักแรกบอกสัปดาห์ของการผลิตในปีนั้น ตัวเลข 2 หลักถัดไปบอกปีที่ผลิตยาง ส่วนใหญ่ยางรถยนต์นั้นมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 5 ปี เมื่อถึงเวลาแล้วพวกเราก็ควรจะเปลี่ยน

2.เนื้อยางแข็งกระด้าง

หลายคนคงจะทราบอยู่แล้วว่ายางรถยนต์ใหม่จะมีหน้ายางนิ่ม  เมื่อขับรถบนถนนการที่เราเบรกหรือเข้าโค้งจะทำได้ดีกว่ายางเก่า เมื่อยางรถยนต์เริ่มหมดสภาพหรืออายุ สังเกตุที่หน้ายางนั้นจะเริ่มแข็ง เมื่อเบรกหรือหยุดกระทันหันจะเริ่มส่งเสียงดัง เบรกได้ไม่ดีเท่าที่ควร สามารถตรวจสอบได้ง่ายๆเพียงใช้เล็บมือเพื่อลองหยิบที่บนหน้ายาง การไม่ทิ้งร่องรอยเล็บไว้บนยางนั้นหมายความว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนยาง เพื่อความปลอดภัยแล้ว

3.ภายนอกยางมีความผิดปกติ

เริ่มสังเกตุเห็นว่าแก้มยางมีรอยแตก, ร้าว, ยางบวม สามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่าหรือสัมผัส แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้แนะนำให้เปลี่ยนยางทันทียางเสี่ยงต่อการระเบิดเมื่อขับด้วยความเร็วอย่างมาก

4.เช็คสะพานยางหน้ายาง

การตรวจสอบสะพานด้านหน้านางเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่าย เพราะยางทุกเส้นมีตัวบ่งชี้สภาพดอกยางอยู่ ตรงบริเวณร่องกลางยาง เมื่อดอกยางมีลักษณะนูนๆ ที่เชื่อมร่องดอกยาง เมื่อดอกยางมีระบบเท่ากับสะพาน นั่นคือยางจะต้องถึงเวลาเปลี่ยนแล้ว

5.บาดแผล รอยรั่วของยางรถยนต์

เมื่อเกิดการรั่วไหลของลมเกิดขึ้นส่วนใหญ่มักจะไปที่ร้านเพื่อปะยางรถ แต่การปะควรทำบนบาดแผลเล็ก ๆ ไม่เกิน 0.6 มิลลิเมตร และต้องเกิดขึ้นที่ด้านหน้าของยางเท่านั้น โดยไม่ต้องไปทำลายโครงสร้างยางภายใน สามารถสังเกตได้ง่ายเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง จากนั้นพวงมาลัยจะสั่นอย่างผิดปกตินั่นคือสัญญาณว่าคุณควรเปลี่ยนยาง การใช้อย่างต่อเนื่องอาจทำให้ยางระเบิดได้