สิ่งที่ควรเช็คก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์1 min read
การที่เราจะไว้ใจใครสักคนให้เค้ามาดูแลเรานั้น ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อยากพอสมควร
เหมือนๆกับการเลือกซื้อประกันรถยนต์ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเค้าจะดูแลเราดีรึป่าว เราจะสามารถโทรหาเค้าตอนที่เราประสบอุบัติเหตุได้ไม หรือถ้าเรากลัวเค้าจะสามารถหาทางออกให้เราได้รึป่าว เพราะฉะนั่นการเลือกบริษัทประกันภัยที่ดี ก็เหมือนการที่คุณเลือกใครสักคนให้เค้ามาดูแลชีวิตเรา ดังนั้นควรเช็คให้ดีก่อนเลือกซื้อประกันภัย
1. เช็คตัวเองก่อน
การทำประกันรถยนต์ก็เหมือนการนำสิ่งที่มีความเสี่ยงออกจากรถของเรา เช่นการที่คุณนั้นยังไม่มีความมั่นใจในการขับขี่รถ และกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเฉี่ยวชน การชนกระถางต้นไม้ แม้แต่การชนเสาไฟฟ้าก็ตาม คุณก็ควรที่จะเลือกทำประกันภัย ชั้น 1เพราะเป็นการคุ้มครองเกี่ยวกับอุบัติเหตุทุกชนิดส่วนใครที่ แค่กลัวรถหายหรือว่ากลัวที่จะขับรถไปชนคันอื่นก็ขอแนะนำเป็นประกันชั้น 2+ ถือว่ากำลังดีค่ะ ซึ่งการที่เราพิจารณาได้แล้วว่าตัวเองนั้นเหมาะสมกับประกันแบบไหน ก็อาจจะช่วยให้ทุกคนนั้นสามารถประหยัดค่าใช่จ่ายลงไปได้เยอะมากเลย และถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าตัวเองนั้นเหมาะกับประกันรถยนต์แบบไหนเราก็มีวิธีทดสอบให้ค่ะ จะรู้ได้อย่างไรว่าเราเหมาะกับประกันภัยรถยนต์แบบไหน
2. เราจะได้ความคุ้มครองอะไรมั้งจากการทำประกัน
แน่นอนว่าแต่ละบริษัทประกันรถยนต์นั้น มีนโยบายในเรื่องของการคุ้มครองที่แตกต่างกัน การที่เราจะเข้าไปถามโต้งๆเลยก็คงจะเป็นเรื่องยาก บ้างบริษัทนั้นอาจคิดค่าดอกเบี้ยต่ำกว่าก็จริงแต่อาจได้ความคุ้มครองรถ ไม่ถึง 80% กับอีกบริษัทที่คิดเบี้ยประกันสูงกว่าแค่นิดหน่อยแต่คุณอาจได้ความคุมครองรถมากถึง 90% กันเลยทีเดียว แต่การจะให้เปรียบเทียบกันคงเป็นเรื่องที่ยากเพราะฉะนั่นคุณต้องเป็นฝ่ายเปิดประเด็นถาม ว่า เรื่องของยางรถยนต์ถ้า่หากเกิดความเสียหายเค้าจะเปลี่ยนยางเส้นใหม่ให้รึป่าว หรือเรื่องของการ ตีราคายางเก่าของรถเราจากกรณีที่มีการใช่งานไปแล้ว เรื่องของความคิดส่วนตัวคิดว่าความคุ้มครองประเภทนี้นั้นมีประโยชน์มากกว่าการคุ้มครองแบบสูงสุดอีกนะ การคุ้มครองแบบสูงสุดหมายถึง(กรณีรถหายหรือ รถพังเสียหายทั้งคัน)
3. อู๋ซ่อมรถในเครือข่าย
ลองคิดซะว่าการที่เรานั้นต้องเดินทางในระยะไกลบ่อยๆแถมยังต้องเปลี่ยนเส้นทางจนเราเองแทบจะไม่รู้เลยว่าถ้าหากรถยนต์ของเรานั้นเสียกลางทาง จะหาอู๋ซ่อมรถยนต์ได้จากที่ไหน การที่บริษัทประกันมีบริการศูนย์อยู่ทั่วประเทศนั้นก็จะเท่ากับว่าเราสามารถนำรถเข้าไปซ่อมได้เลยโดยที่ไม่ต้องเสียค่าซ่อมเพิ่มเติม แต่ถ้าหากคุณต้องไปซ่อมนอกเครือข่าย คุณก็คงต้องสำรองจ่ายไปก่อน และค่อยไปเบิกคืนทีหลัง ซึ่งจะทำให้เรื่องยุ้งยากนิดหน่อยเนื่องจากต้องเข้าไปเจรจาเรื่องค่าเสียหายที่บริษัทนั้นต้องชดใช่ให้ แน่นอนว่าการเช็คง่ายๆเลยคือการลองเข้าปถามอู๋ซ่อมรถแถวๆที่เราอยู่ ว่ารับประกันของบริษัทไหนบ้าง
4. เรื่องของการให้บริการ
เป็นสิ่งสำคัญมากๆที่เราควรเช็คให้ดีค่ะ เพราะบริฐัทประกันที่ดีขึ้นอยู่กับการบริการค่ะ ซึ่งการตรวจสอบแบบง่ายๆ ก็คือคนรอบตัวเราเลยค่ะ ว่าเวลารถยนต์นั้นมีปัญหา เค้าให้คำปรึกษาดีรึป่าว พนักงานบริการดีไหม หรือแม้แต่เวลาที่เกิดแห้งบริษัทมาถึงที่เกิดเหตุเร็วรึป่าว หลายๆท่านอาจจะคิดว่าไม่เห็นจำเป็นต้องถามอะไรเยอะเลยทำๆไปเถอะ แต่สำหรับตัวเราเองคิดว่าถามไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะคะ เพราะว่ามันก็คือประโยชน์ต่อตัวเราเองทั้งนั้น
5. ความหน้าเชื่อถือของบริษัท
เรื่องของชื่อเสียงก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะการันตีความมั่นใจของเราได้มากพอสมควร เพราะถ้าหากบริษัทไม่ดีจริงทำไมลูกค้าเก่าถึงอยากต่อกรรมธรรนต่อ และลูกค้าใหม่ก็แห่เข้าไปทำกรรมธรรนเรื่อยๆ เช่นกรณีน้ำท่วมใหญ่ บ้างบริษัทประกันนั้นมีทุนไม่มากพอที่จะชดใช่ค่าเสียหายให้ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการจ่ายล่าช้า หรือว่าอาจไม่จ่ายเลยก็ได้ เพราะฉะนั่นถึงแม้ว่าบริษัทจะมีบริษัทแม่อยู่ที่ต่างประเทศแต่มีชื่อเสียงค่อนข้างดีก็สามารถที่จะจ่ายเงินเราได้แบบรวดเร็วเช่นกัน เพราะบริษัทพวกนี้ต้องการที่จะรักษาชื่อเสียงของตัวเองไว้แบบสุดขีดไปเลยละค่ะ